เป้าหมายโครงการ
ศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อมเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางในการดำเนินงานวิจัย
ค้นคว้า เก็บรวบรวมข้อมูล
เพื่อให้ได้ผลงานที่สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
และยังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้แก่ประชาชนได้อย่างถูกต้อง
ในการกำหนดเป้าหมายโครงการนั้น
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่จัดวางไว้
โดยที่เป้าหมายโครงการนั้นสามารถจัดแบ่งเป็น 4 กลุ่ม
ตามปัจจัยในการพิจารณาทางสถาปัตยกรรม ดังนี้
1.1 เป้าหมายโครงการด้านหน้าที่ใช้สอย
1.2 เป้าหมายโครงการด้านรูปแบบ
1.3 เป้าหมายโครงการด้านเศรษฐศาสตร์
1.4 เป้าหมายโครงการด้านเทคโนโลยี
1.1 เป้าหมายโครงการด้านหน้าที่ใช้สอย
1.1.1 กลุ่มเป้าหมายผู้ใช้โครงการ
ก.
กลุ่มผู้ใช้โครงการหลัก คือ กลุ่มผู้ใช้โครงการที่เข้ามาประกอบหรือร่วมกิจกรรมหลัก
มีจำนวนและพื้นที่การใช้สอยที่แน่นอน ผู้ใช้กลุ่มนี้
ได้แก่ กลุ่มนักวิจัย นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ทางด้านสิ่งแวดล้อม
รูปภาพ 1.1
แสดงลักษณะของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักวิจัย นักวิชาการ
ข.
กลุ่มผู้ใช้โครงการรอง คือ กลุ่มผู้ใช้โครงการที่เข้ามาร่วมกิจกรรมสนับสนุนโครงการ
ที่มีวัตถุประสงค์ในการเข้าใช้โครงการแตกต่างกันออกไปในแต่ละกลุ่ม จะแบ่งได้เป็น
-
นักเรียน เป็นกลุ่มที่มีความสนใจในโครงการเพื่อเข้ามาค้นคว้าหาความรู้
รวมทั้งชมนิทรรศการ เป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากและมักจะเดินทางมาเป็นหมู่คณะ
รูปภาพ 1.2
แสดงลักษณะของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักเรียน
-
ผู้บริหารและพนักงาน คือ กลุ่มบุคลากรในระดับบริหารที่จัดการดำเนินงานแก่โครงการ
กลุ่มของพนักงานจะแบ่งออกตามหน้าที่ตามความรับผิดชอบในฝ่ายงานต่างๆ เช่น
ฝ่ายบริหาร ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายอาคาร
การกำหนดปริมาณผู้เข้าใช้โครงการ
สามารถพิจารณาได้เป็น
1. นักวิจัย
นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม
จากการการศึกษากรณีศึกษา(Case study) จำนวนนักวิจัยที่เข้ามาใช้มากที่สุดใน 1 วัน
มีจำนวนกลุ่มผู้ที่เข้ามาศึกษาและวิจัยเป็นจำนวน 40 คน
(จากตัวอย่างโครงการใกล้เคียงคือ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม) โดยโครงการเราได้กำหนดให้มีการรับนักวิจัยเข้ามาเพียง
7 %
อัตราการเพิ่มของนักวิจัยต่อปี
= 7
x 40/100 = 3 คน
อัตราการเพิ่มของนักวิจัย
10 ปี = 3 x 10 = 30 คน
ดังนั้น
จึงมีจำนวนนักวิจัยในโครงการทั้งหมด = 40+30 = 70 คน
2.
นักเรียน
จากการศึกษาจำนวนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในจังหวัด
พบว่า มีจำนวนนักเรียนทั้งหมด 16,193 คน กำหนดให้มีนักเรียนเข้ามาศึกษา 80% ต่อปี = 16,193 x 80/100 คน
= 12,954.40 คน
ใน 1 วันจะมีนักเรียนเข้ามาศึกษาโครงการจำนวน 35
คน โดยนักเรียน 1 คนจะมากับผู้ปกครอง 1 คน จะเท่ากับ 35 x 2 = 70 คน
ดังนั้น จึงมีคนเข้ามาชมโครงการจำนวนทั้งหมด
70 คน
1.1.2
เป้าหมายองค์ประกอบโครงการและพื้นที่ใช้สอยโครงการ
โครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อมเป็นโครงการที่มุ่งเน้นทางด้านงานศึกษา
ค้นคว้า และวิจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้โครงการยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในรูปแบบของการจัดนิทรรศการ จากที่กล่าวมาข้างต้น
พอจะคาดการณ์เพื่อกำหนดองค์ประกอบด้านหน้าที่การใช้สอยและพื้นที่การใช้สอยของโครงการได้ดังนี้
1.
ส่วนบริหารโครงการ
2.
ส่วนวิจัย
3.
ส่วนประชุม
สัมมนา
4.
ส่วนนิทรรศการ
5.
ส่วนบริการโครงการ
6.
ส่วนจอดรถ
พื้นที่โครงการ (Area Requirment)
โครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อม
มีการกำหนดพื้นที่ใช้สอยโครงการจากกรณีศึกษา ดังนี้
เนื่องจากเป็นโครงการศูนย์วิจัย
นักวิจัยทั้งหมดในโครงการ 70 คน จึงใช้พื้นที่
18-20 ตารางเมตร/คน (จาก case
study)
ต้องใช้พื้นที่
70 x 20 = 1,400 ตารางเมตร
พนักงานเจ้าหน้าที่อื่นๆ 50 คน
จึงใช้พื้นที่ 16-20 ตารางเมตร/คน (จาก case
study)
ต้องใช้พื้นที่
50 x 20 = 1,000 ตารางเมตร
พื้นที่รวมทั้งหมด 1,400 + 1,000 = 2,400 ตารางเมตร
สัดส่วนที่ตั้งโครงการ : พื้นที่โครงการ =
1: 0.40 (จาก case study)
ดังนั้นขนาดที่ตั้งโครงการประมาณ
6,000 ตารางเมตรหรือ 3.75 ไร่
1.2
เป้าหมายโครงการด้านรูปแบบ
การกำหนดเป้าหมายทางด้านรูปแบบ
คือ การกำหนดรูปลักษณ์ของโครงการที่มีผลต่อบุคคลที่มาดำเนินกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกโครงการ
โดยการกำหนดป้าหมายโครงการทางด้านรูปแบบ จะประกอบไปด้วยปัจจัยหลัก 3 ปัจจัย ดังนี้
1. การเลือกทำเลที่ตั้งโครงการ
2. การกำหนดขนาดที่ตั้งโครงการ
3. เป้าหมายจินตภาพโครงการ
1.2.1
การเลือกทำเลที่ตั้งโครงการ
โครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อมเป็นโครงการที่กำหนดให้เป็นโครงการเสนอแนะรัฐบาลอยู่ภายใต้การควบคุมของกรมมลพิษ
จัดตั้งขึ้นเพื่อการมุ่งเน้นทางด้านการศึกษา ค้นคว้า วิจัย
เก็บรวบรวมข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม
เพื่อการป้องกันและแก้ปัญหาอย่างถูกต้องและเหมาะสม
และส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้แก่นักเรียน
ดังนั้นโครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อมจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการจัดตั้งบนพื้นที่ที่มีความพร้อมทางด้านสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนต่อการวิจัย
โดยมีหลักการพิจารณาทำเลที่เหมาะสมเบื้องต้นดังนี้
1.
ที่ตั้งโครงการควรจะมีระบบสัญจรที่ดี
มีการเชื่อมโยงกับโครงข่ายคมนาคมที่สะดวก
2.
ที่ตั้งโครงการควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนต่อการวิจัย
สภาพแวดล้อมไม่แออัด มีความพร้อมต่อ การศึกษา
3.
ที่ตั้งโครงการควรมีระบบสาธารณูปโภค
สาธารณูปการที่มีความพร้อมมารองรับ
4.
ที่ตั้งโครงการควรจะตั้งอยู่ในแหล่งที่มีการใช้สอยของประโยชน์ที่ดินที่สนับสนุน
ดังนั้นการพิจารณาหาที่ตั้งโครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อม
จะต้องตอบสนองหลักเกณฑ์เบื้องต้นนี้ ซึ่งในการพิจารณาที่ตั้งโครงการจะเป็นลำดับขั้นตอน
ดังนี้
1.
การพิจารณาเลือกที่ตั้งโครงการในระดับภาค
2.
การพิจารณาเลือกที่ตั้งโครงการในระดับจังหวัด
3.
การพิจารณาเลือกที่ตั้งโครงการ
1.
การพิจารณาเลือกที่ตั้งโครงการในระดับภาค
เนื่องจากโครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อมเป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการมุ่งเน้นการศึกษา
ค้นคว้า และวิจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม
จึงมีความจำเป็นต้องเลือกพื้นที่ที่มีปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
เพื่อเข้าไปป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น
ดังนั้น การเลือกทำเลที่ตั้ง พิจารณาจากภาคที่มีการจัดตั้งนิคมอุตสากรรม
ที่ก่อให้เกิดผลกระทบมากที่สุด
รูปภาพ 1.3 แสดงที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย
รูปภาพ 1.4 แสดงการเปรียบเทียบปริมาณของเสียในแต่ละภาค
จากแผนภูมิภาพ
แสดงให้เห็นว่า บริเวณพื้นที่ภาคตะวันออก มีปริมาณกากของเสียมากที่สุด
ทั้งของเสียที่ไม่เป็นอันตราย และของเสียที่เป็นอันตราย
โดยเฉพาะของเสียที่เป็นอันตรายที่จำนวนมากอย่างเห็นได้ชัด ถึง 4.5 ล้านตันต่อปี
ดังนั้นภาคตะวันออกจึงมีความเหมาะสมสำหรับการจัดตั้งโครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อม
เพื่อเป็นศูนย์กลางในการศึกษา ค้นคว้าและวิจัย เพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่อไป
2.การพิจารณาเลือกที่ตั้งโครงการในระดับจังหวัด
การพิจารณาเลือกที่ตั้งในระดับภูมิภาคนี้
จะพิจารณาจากปริมาณของเสียทั้งที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย
และความสะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมูล
เนื่องจากโครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อมเป็นโครงการที่ทำการศึกษา ค้นคว้า
วิจัยด้านสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการเข้าถึงพื้นที่จึงเป็นสิ่งสำคัญ
ตาราง 1.1 แสดงปริมาณกากของเสียรวม
จากข้อมูล ทำให้พิจารณาหาที่ตั้งโครงการได้ว่า ระยอง
เป็นจังหวัดที่มีความเหมาะสมที่สุดสำหรับเป็นที่ตั้งโครงการ โดยมีเหตุสนับสนุนที่ตั้งโครงการ
ดัง
1.ระยองมีความพร้อมในปัจจัยสนับสนุนโครงการให้บรรลุเป้าหมายได้
เช่น มีหน่วยงานที่สนับสนุนโครงการ มีหน่วยงานที่มีกิจกรรมสนับสนุน
2.ระยอง
มีระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการครบถ้วนรองรับ
3.ระยอง
มีหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่สามารถติดต่อ ประสานงานกันได้สะดวก
4.ระยอง มีปัญหาทางด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมจนเกิดมลภาวะมากที่สุด
จากข้อสรุปดังกล่าวจะเห็นได้ว่า
ระยองมีความเหมาะสมในการจัดตั้งโครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อม
แวดล้อมด้วยองค์ประกอบที่เพียบพร้อมที่จะทำให้โครงการบรรลุเป้าหมายตามจุดประสงค์ที่วางไว้
โดยโครงการจะเป็นศูนย์กลางของการศึกษา ค้นคว้า วิจัย
และรวบรวมข้อมูลทางด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อการนำไปซึงการหาวิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อไป
3.การพิจารณาเลือกที่ตั้งโครงการ
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกทำเลที่ตั้งโครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อม
มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาดังนี้
-การคมนาคม
มีความสะดวกต่อการจัดซื้อขนส่งอุปกรณ์การทดลองต่างๆ
-โครงการสนับสนุน
องค์กรหรือหน่วยงาน ที่จะช่วยสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้
และเพื่อความสะดวกในการติดต่อประสานงาน
-สภาพแวดล้อม
อยู่ใกล้บริเวณแหล่งที่เก็บข้อมูล เก็บตัวอย่าง เพื่อนำการค้นคว้า วิจัย เป็นพื้นที่ที่ไม่มีความแออัดของอาคาร
-มุมมอง
มุมมองจากภายในและภายนอกโครงการ
เพราะโครงการที่ส่วนของการจัดนิทรรศการให้ประชาชนเข้าชมได้
โครงการจึงควรมีการเปิดมุมมองที่ดี
-ความปลอดภัย
เนื่องจากโครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อม เป็นโครงการที่มีข้อมูลด้านการวิจัยใหม่
และเครื่องมีที่ราคาสูง จึงต้องการรักษาความปลอดภัยที่ดี
อยู่ที่พื้นที่ที่ใกล้กับหน่วยงานราชการที่สามารถติดต่อดูแลความปลอดภัยได้ง่ายและรวดเร็ว
ระดับคะแนนในแต่ละหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกที่ตั้งโครงการ
การคมนาคม 4 คะแนน
โครงการสนับสนุน 3 คะแนน
สภาพแวดล้อม 5 คะแนน
มุมมอง 3 คะแนน
ความปลอดภัย 4 คะแนน
รูปภาพ
1.5 แสดงที่ตั้งโครงการที่ 1
ที่ตั้งโครงการที่1
อยู่บริเวณหน้าทางเข้านิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
อยู่ติดถนนสายหลัก (สุขุมวิท) มีปัญหามลพิษจากอุตสาหกรรม
สามารถเก็บตัวอย่างวิจัยได้โดยตรง แต่เนื่องจากอยู่ในบริเวณนิคมอุตสาหกรรม
จึงไม่มีรถโดยสารประจำทางหรือแม้กระทั่งรถรับจ้างส่วนบุคคลก็มักจะไม่เข้าไปภายในนิคมอุตสาหกรรม
รูปภาพ 1.6 แสดงที่ตั้งโครงการที่2
ที่ตั้งโครงการที่2
อยู่บริเวณปากแม่น้ำระยองแม่น้ำสายหลักของจังหวัด
ใกล้กับพื้นที่ศูนย์ศึกษาป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์และใกล้กับบริเวณชายหาดที่มีปัญหาน้ำเน่าเสีย
ทำให้เข้าเก็บตัวอย่างมาทำงานวิจัยได้สะดวก
ติดถนนเลียบชายฝั่งที่เชื่อมต่อจากถนนสายหลัก(ถนนสุขุมวิท)
รูปภาพ 1.7 แสดงที่ตั้งโครงการที่3
ที่ตั้งโครงการที่3
อยู่บริเวณหาดแม่รำพึง
ซึ่งเน้นไปในทางที่เป็นแหล่งของการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ
ใกล้กับสถานีอุตุนิยมวิทยาของจังหวัด และอยู่ใกล้อุทยาแห่งชาติเขาแหลมย่า
ตาราง 1.2
แสดงการพิจารณาการให้คะแนนทำเลที่ตั้ง
การกำหนดค่าระดับคะแนน
A = 4 หมายถึง ดีมาก
B = 3 หมายถึง ดี
C = 2 หมายถึง
ดีพอใช้
D = 1 หมายถึง พอใช้
F = 0 หมายถึง ไม่ดี
1.2.2
การกำหนดขนาดที่ตั้งโครงการ
การพิจารณาหาขนาดพื้นที่เบื้องต้น
มีดังนี้
1.พื้นที่ใช้สอยโครงการประมาณ 2,400 ตารางเมตร
2.คำนวนหาพื้นที่ตั้งเหมาะสมจากการคำนวนสัดส่วนพื้นที่ตั้งโครงการต่อพื้นที่ก่อสร้าง
(F.A.R. = Site area : Building area) ตามประเภทของอาคาร
กำหนดสัดส่วน F.A.R. ตามประเภทของศูนย์วิจัย = 1 :
0.4
ดังนั้นพื้นที่ตั้งโครงการประมาณ
2,400/0.4 = 6,000 ตารางเมตร
3.การกำหนดพื้นที่เปิดโล่ง
จำนวนชั้นภายในโครงการ 3 ชั้น
พื้นที่ใช้สอยโครงการ 2,400 ตารางเมตร
ดังนั้นพื้นที่เปิดโล่งของโครงการประมาณ
6,000-2,400 = 3,600 ตารางเมตร
เปรียบเทียบอัตราส่วนได้ประมาณ
พื้นที่อาคารปกคลุม
: พื้นที่เปิดโล่ง
2,400 : 3,600
1.2.3
เป้าหมายจินตภาพโครงการ
เป้าหมายจินตภาพโครงการ
หมายถึง รูปแบบหรือลักษณะของภาพรวมและส่วนประกอบต่างๆ
ของอาคารที่ต้องการหรือกำหนดสำหรับโครงการ
1.กิจกรรมหรือหน้าที่ใช้สอยของอาคาร
เนื่องจากโครงการการเป็นศูนย์วิจัย
ผู้ทำงานปฏิบัติงานในห้องทดลองงานวิจัยต้องใช้เวลาในการทำงานที่ค่อนข้างยาวนาน
ใช้สมาธิสูงเป็นอย่างมาก
การจัดรูปแบบการใช้สอยอาคารจึงควรมีการจัดมุมมองที่ดีเพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย
รวมถึงการระบายอากาศของอาคาร
2.ผู้ใช้โครงการ
ผู้ใช้หลักชองโครงการ
คือ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง
การออกแบบที่ว่างภายในอาคารจึงควรมีที่ว่างที่น่าสนใจ และเหมาะสมต่อการทำงาน
สร้างสุขภาพจิตที่ดี เพื่อส่งเสริมให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน
3.ที่ตั้งและสภาพแวดล้อมของที่ตั้งโครงการ
เนื่องจากโครงการศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อม
จำเป็นต้องมีพื้นที่สนามติดตั้งอุปกรณ์ในการตรวจวัดเพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ
จึงต้องออกแบบให้มีความเหมาะสมต่อทิศทางแดดและลมที่จะส่งผลต่อการทำงานของเครื่องมือ
4.ยุคสมัยและสไตล์ตามเวลาที่โครงการนั้นเกิดขึ้น
ลักษณะอาคารของโครงการศูนย์วิจัยจะมีลักษณะเรียบง่าย
ทันสมัย มีความน่าเชื่อถือ
และมีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมบริบทรอบข้างได้อย่างน่าสนใจ
1.2
เป้าหมายโครงการด้านเศรษฐศาสตร์
1.3.1 เงินทุนโครงการ
-โครงการของภาครัฐ
อยู่ภายใต้การดูแลของกรมควมคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
1.3.2 งบประมาณเบื้องต้น
-ราคาก่อสร้างตารางเมตรละ 20,000 บาท
พื้นที่ใช้สอยอาคารโดยประมาณ 8,000 ตารางเมตร
ราคาค่าก่อสร้าง
20,000x8,000 = 160,000,000 บาท
-ราคาปรับปรุงที่ดิน 450,000 บาท/ไร่
พื้นที่ก่อสร้างโดยประมาณ 3.75 ไร่
ราคาปรับปรุงที่ดิน 450,000x3.75 = 1,687,500 บาท
ค่าดำเนินการก่อสร้าง 20% = 160,000,000x20%
=
32,000,000 บาท
รวมงบประมาณค่าก่อสร้างเบื้องต้น
160,000,000+1,687,500+32,000,000 = 193,687,500 บาท
1.3.3 ผลตอบแทนทางการเงิน
รายได้ของโครงการได้จากการเข้าชมงานนิทรรศการ
การขายบัตรผ่านผู้เข้าชมงานและสถานที่ การขอเข้าใช้อบรมสัมมนาวิชาการต่างๆ
1.3.4 ผลตอบแทนทางสังคม
1.ช่วยในการวิจัย
หาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่ประชาชน
2.ช่วยเผยแพร่ความรู้ให้แก่นักเรียน
และเยาวชนได้มีความรู้ในการจัดการ ดูแลรักษา
และอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
1.4 เป้าหมายโครงการด้านเทคโนโลยี
1.4.1 เป้าหมายเทคโนโลยีอาคาร
-โครงสร้างอาคาร
เป็นระบบเสาคานคอนกรีตเสริมเหล็ก
ร่วมกับโครงสร้างเหล็กเพื่อให้ได้พื้นที่ว่างภายในอาคารที่เหมาะสมแก่การใช้งานและประหยัดเวลาในการก่อสร้าง
-ระบบปรับอากาศ
ใช้ทั้งระบบ Sprit
type และระบบ VRV เนื่องจากห้องปฎิบติการที่ความต้องการที่แตกต่างกันทั้งด้านอุณหภูมิและความต้องการระบบปรับอากาศที่ต้องการความทนต่อกรด-ด่างในบางพื้นที่
-ระบบไฟฟ้า
ใช้ระบบไฟฟ้ากำลัง
และมีระบบไฟฟ้าสำรองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายและความต่อเนื่องของงานทดลอง
-ระบบควบคุมเสียง
สำหรับส่วนจัดแสดงนิทรรศการที่ไม่ต้องการเสียงจากภายนอก เพื่อไม่ใช้เกิดการรบกวน
-ระบบสัญญาณเตือนภัย
เป็นระบบเตือนภัยจากการเกิดอัคคีภัย อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน อุปกรณ์ตรวจจับควัน
อุปกรณ์ตรวจจับเปลวไฟ
-ระบบรักษาความปลอดภัย
เนื่องจากโครงการต้องการการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างสูง จึงต้องมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด
การใช้ระบบคีย์การ์ดในการเข้าใช้งานบางพื้นที่เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น